อีกหนึ่งปัญหาที่คนทำงานพิมพ์จะต้องเจอก็คือเรื่องของความละเอียดในงานพิมพ์ค่ะ มือใหม่งานพิมพ์อาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นักเลยคิดว่าไม่สำคัญ แต่หากอยากให้งานพิมพ์ของเราออกมาสวยงาม มีคุณภาพแล้วล่ะก็ เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรรู้เลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้เรานำเรื่องราวเหล่านี้มาฝากกันที่นี่แล้วจ้ะ!

Credit : unsplash
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกันก่อน ในขั้นตอนของการทำอาร์ทเวิร์ค นอกจากคุณจะต้องใส่ใจเรื่องการเผื่อระยะตัดตกแล้ว เรื่องความละเอียดของภาพก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน ซึ่งหากพูดถึงเรื่องความละเอียดของภาพ ก็จะมีเรื่องของค่า DPI และ PPI เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทั้งสองแบบนี้มีรายละเอียดที่ต่างกันออกไปเล็กน้อยค่ะ
DPI

Credit : unsplash
DPI ย่อมาจาก Dots Per Inch เป็นหน่วยวัดความละเอียดของรูปภาพที่ใช้ในงานพิมพ์ ยิ่งค่ามาก ความละเอียด และความคมชัดของภาพก็จะยิ่งสูงตามด้วย สำหรับค่า DPI ที่นิยมใช้กันสำหรับงานพิมพ์จะอยู่ที่ 300 DPI ขึ้นไปจ้ะ
PPI

Credit ; unsplash
PPI ย่อมาจาก Pixels Per Inch เป็นหน่วยที่บอกความละเอียดของรูปภาพที่แสดงบนจอ สำหรับค่า PPI ที่ใช้ในการแสดงผลบนหน้าจอ เช่นพวกคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ค่าจะอยู่ที่ 72 PPI ค่ะ


ถึงแม้ DPI และ PPI จะเรียกไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นหน่วยความละเอียดของรูปภาพทั้งคู่ ซึ่งต่างกันที่การแสดงผลและการใช้งานเท่านั้นเองจ้ะ โดยการปรับค่าความละเอียดนี้ สามารถกำหนดได้ในขั้นตอนการทำอาร์ทเวิร์ค ที่คำว่า Resolution จากนั้นก็เลือกค่า PPI ที่ต้องการได้เลยค่ะ และเมื่อทำการบันทึกงานแล้ว ค่าความละเอียด PPI ตรงจุดนี้ จะเปลี่ยนเป็นค่า DPI เพื่อใช้สำหรับงานพิมพ์นั่นเอง

หากอยากได้งานพิมพ์ที่ออกมาสวยงาม มีคุณภาพ อย่าลืมเลือกค่าความละเอียดของภาพให้ถูกต้องตามประเภทของงานด้วยนะคะ สำหรับใครที่ได้ภาพความละเอียดสูงมาแล้ว สามารถนำมาทำโฟโต้บุ๊คเพื่อเก็บรวบรวมภาพสวยๆ คุณภาพดีๆ กับ LALAPIX ได้เลยจ้า
คลิกที่นี่เพื่อทำโฟโต้บุ๊ค